คำอธิบาย
โกจิเบอร์รี่ดำ (Black Goji Berry) เก๋ากี้ดำ เกรด Premium ขนาด 55 กรัม
โกจิเบอร์รี่สีดำ เป็นพืชหายากที่ปลูกได้ที่ระดับความสูง 3000 เมตร ในพื้นที่แห้งแล้งเฉพาะ จากภาคตะวันตกของประเทศญี่ปุ่น ทำให้โกจิเบอร์รี่ดำถือเป็นพืชหายาก มีคุณค่าทางโภชนาการสูง และมีราคาสูงกว่าเบอร์รี่ทั่วไป
โดยเมื่อเปรียบเทียบโกจิเบอร์รี่สีดำ มีคุณค่าทางโภชนาการสูงกว่าโกจิเบอร์รี่ทั่วไป โดยเฉพาะ เหล็ก ทองแดง ซิงค์ แม๊กเนเซียม และ แอนโธไซยานิน (Anthocyanin) และ antioxidant ที่ช่วยในธรรมชาติอยู่สูงจึงทำให้ตัวผลมีสีออกดำๆม่วงๆ และมีสารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายหลากหลายชนิด
ด้านสารอาหารซึ่งโกจิเบอร์รี่ดำจะมีสาร antioxidant ธรรมชาติอยู่สูงจึง ทำให้ตัวผลมีสีออกดำๆม่วงๆซึ่งจากการวิจัยทางวิทยาศาสตร์พบว่า
สาร antioxidant เหล่านั้นมีมากกว่าโกจิเบอร์รี่ธรรมดา 50 เท่า จะสามารถดูดซึมได้ดีกว่าโกจิเบอร์รี่แบบธรรมดาซึ่งจะช่วยในการบำรุงสุขภาพ
คุณค่าจากวิตามิน C มากกว่า 20 เท่า
คุณค่าจากวิตามิน E มากกว่า 50 เท่า
มีสารอาหารมากกว่า บลูเบอร์รี่ 18 เท่า
มีส่วนประกอบของกลูโคไซด์ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระตามธรรมชาติ ชลอความเสื่อมของเซลล์ เพิ่มภูมิต้านทาน ชลอความชรา
มีสารแอนโธไซยานินซึ่งมีมากในเก๋ากี้ดำช่วยกำจัดอนุมูลอิสระ ช่วยจำกัดการแพร่ขยายของเซลล์มะเร็ง
แอนโธไซยานีนช่วยปรับปรุงการไหลเวียนของเลือด ทำให้หลอดเลือดแข็งแรง
แอนโธไซยานีนในเก๋ากี้ดำ ช่วยปกป้องผิวหนังจากริ้วรอยที่เกิดจากอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นหนึ่งในคุณลักษณะที่ทรงประสิทธิภาพของสารต้านอนุมูลอิสระ
มีสารลูทีนช่วยในการมองเห็น บำรุงสายตา ป้องกันการล้าของสายตา
ผลเก๋ากี้ดำช่วยป้องกันและรักษาเบาหวาน ปกป้องตับ ต่อต้านเนื้องอก ปกป้องหัวใจและหลอดเลือดหัวใจ
จากตามทฤษฎีของ TCM ซึ่งพบว่าโกจิเบอร์รี่สีดำจะช่วยบำรุงทั้งในด้านตับและไต อีกทั้งยังช่วยเพิ่มความอดทนให้เหนื่อยยากและบำรุงผิวพรรณได้เป็นอย่างดี
คำถามที่พบบ่อย
เด็กสามารถรับประทานเก๋ากี้ดำได้มั้ย ?
ได้ โกจิเบอร์รี่ดำสามารถรับประทานได้ทั้งทุกเพศและทุกวัย
อายุการเก็บของเก๋ากี้
สินค้าของเรามีอายุการเก็บได้ 1 ปี
รายละเอียดสินค้า โกจิเบอร์รี่ดำ (Black Goji Berry) เก๋ากี้ดำ เกรด Premium ขนาด 55 กรัม
1 กระปุก ประกอบด้วยโกจิเบอร์รี่ดำ 55 กรัม
จัดส่งฟรี ( จัดส่งทุกวันจันทร์ – ศุกร์ วันหยุดนักขัตฤกษ์ )
วิธีการรับประทาน
แช่น้ำเพื่อรับประทาน : ผสมกับน้ำเย็นหรือน้ำอุ่นในปริมาณเพียง 1 กรัมต่อแก้วกาแฟ ( อุณหภูมิที่ร้อนเกินไปจะทำลายสาร anothcyanins ที่มีประโยชน์ในโกจิเบอร์รี่สีดำได้ควรใช้อุณหภูมิประมาณ 50-75 องศา ) รอประมาณ 5 นาทีก่อนจะดื่มให้หมด และค่อยรับประทานเม็ดโกจิเบอร์รี่สีดำต่อ
( หลังจากโกจิเบอร์รี่สีดำได้เจือจางทำให้เม็ดมีสีจางลง ) สามารถผสมน้ำผึ้งดื่มเพื่อเพิ่มรสชาติได้
ผสมกับไวท์ : สามารถผสมเพื่อดื่มกัน Wine เพื่อเพิ่มรสชาติและสามารถเก็บรักษาได้นานถึง 30 วัน
ขนาดรับประทาน
รับประทานวันละ 3 – 5 กรัม ต่อวัน
อายุผลิตภัณฑ์ : 1 ปี (นับจากวันผลิต)
การเก็บรักษา : เก็บในที่แห้ง อุณหภูมิไม่เกิน 30 องศาเซลเซียส ห่างจากแสงแดด หรือเก็บในตู้เย็น
ความแตกต่างของโกจิเบอร์รี่ดำและโกจิเบอร์รี่แดง โกจิเบอร์รี่ แดง และ โกจิเบอร์รี่ ดำ จุดเด่นที่แตกต่างกัน
ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่เข้ามามีบทบาทต่อคนไทยมากขึ้น จากเดิมที่เราคุ้นเคยกับสตอเบอรี่ที่รับประทานผลสดที่นำเข้าจากต่างประเทศหรือผลผลิตทางการเกษตรจากภาคเหนือ เครื่องดื่มที่ผสมกลิ่นสตอเบอรี่ ฯลฯ ปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์มากมายที่เลือกใช้ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่เป็นส่วนผสมที่ดึงดูดความสนใจ นำผลเบอร์รี่ต่าง ๆ เข้าสู่ตลาดเพิ่มมากขึ้น อาทิ ราสเบอร์รี่ บลูเบอร์รี่ หรือแบล็คเบอร์รี่ รวมถึงโกจิเบอร์รี่ เป็นส่วนผสมของผลิตภัณฑ์ เช่น เครื่องดื่ม บิสกิตสอดไส้ครีม เป็นต้น ช่วยดึงส่วนแบ่งทางการตลาดเป็นอย่างดี ทั้งที่จริงแล้วโกจิเบอร์รี่ ก็คือ ‘เก๋ากี้’ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในอาหารของประเทศจีน ที่อุดมด้วยสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย นอกจากนั้นโกจิเบอร์รี่ ยังแบ่งเป็น โกจิเบอร์รี่ สีแดง และ โกจิเบอร์รี่ สีดำ ซึ่งสรรพคุณของ 2 ลักษณะนี้มีความแตกต่างที่น่าสนใจ
โกจิเบอร์รี่ หรือ Chinese Wolfberry ซึ่งเป็นที่รู้จักกันทางเภสัชศาสตร์ว่าเป็นพืชในตระกูล Lycium Barbarum มีแหล่งกำเนิดในประเทศจีน อุดมไปด้วยคุณค่าด้านสารอาหาร ที่สำคัญได้แก่ สังกะสี เหล็ก ทองแดง แคลเซียม ฟอสฟอรัส ซิลีเนียม และเจอร์มาเนียม ฯลฯ และการต่อต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant) มีฤทธิ์ชะลอความชรา ควบคุมน้ำตาลในเม็ดเลือดแดง เสริมสร้างการทำงานของหัวใจ และเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันร่างกาย ตำรายาสมุนไพรของจีนจึงมีโกจิเบอร์รี่เป็นส่วนประกอบสำคัญ
โกจิเบอร์รี่ดำ มีคุณค่าทางโภชนาการสูงกว่าโกจิเบอร์รี่โดยเฉพาะ ธาตุเหล็ก ทองแดง สังกะสี แม็กนีเซียม และ แอนโธไซยานิน (Anthocyanin) เป็นสารสีม่วงในผลิตภัณฑ์ธรรมชาติมีฤทธิ์เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์ ช่วยลดอัตราเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจและเส้นเลือดอุดตันในสมอง ชะลอความเสื่อมของดวงตา พร้อมทั้งช่วยป้องกันและรักษาเบาหวาน ปกป้องตับ ต่อต้านเนื้องอก ปกป้องหัวใจและหลอดเลือดหัวใจ และช่วยยับยั้งจุลินทรีย์ในระบบทางเดินอาหาร
แม้ว่าโกจิเบอร์รี่ บนโลกจะมีมากถึง 41 สายพันธุ์ แต่ที่นิยมและมีสรรพคุณที่ดีสุดต้องเป็นสายพันธุ์ที่นำมาจากจีนหรือทิเบต อ้างอิงจากความเป็นมาแสนยาวนานของเก๋ากี้ที่เคียงข้างประวัติของมังกร